อเสขบุคคล คือ บุคคลที่บรรลุธรรมขั้นสูงสุดแล้ว จึงไม่ต้องปฏิบัติธรรมอีก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำอะไรเลย ก็หาไม่ สามารถทำกิจต่างๆ ได้ ตามปกติ ตามธรรมชาติของผู้บรรลุธรรมนั้นๆ ทั้งยังสามารถก่อกรรมดีและกรรมชั่วไ้ด้ด้วย แต่จะไม่มากเกินเลยขอบเขตไป จะอยู่ในครรลองที่สามารถชดใช้กรรมได้หมดในชาตินั้นๆ และตรงสู่นิพพานได้ อย่างพอเหมาะ พอดี ไม่เคร่งตึง ไม่หย่อนยานจนเกินไป อนึ่ง ในการศึกษาธรรมนั้น จะให้ผลเป็นความรู้ระดับ "ปริยัติ" หรือ "สุตมยปัญญา" ส่วนการปฏิบัติธรรมนั้น จะให้ผลเป็นความมีธรรมในระดับ "ปฏิบัติ" คือ ปฏิบัติให้มีธรรม ถ้าไม่ปฏิบัติ ก็จะไม่มีธรรม ดังนั้น ธรรมะที่เกิดจากการปฏิบัติและธรรมะตามธรรมชาติปกติจึงยังไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน ทว่า การรับธรรมแล้วบรรลุธรรมต่างหาก ที่จะทำให้เกิดปัญญาสว่างไสว น้อมนำธรรมกับตนเป็นหนึ่งเดียวกันได้ จึงไม่ต้องปฏิบัติธรรมอีก การกระทำต่างๆ ย่อมปรากฏออกมาอย่างเป็นธรรมะ ธรรมชาติ ไม่ต้องปรุงแต่งด้วยสิ่งใดๆ ไม่้ต้องปรุงแต่งด้วยธรรมในตำราหรือข้อมูลอ้างอิงใดๆ ออกมาจากใจอย่างใสซื่อ ก็เป็นธรรม ก็สอดคล้องกับธรรม แม้ว่าจะดูเปลือกนอกแล้วต่างไป แต่แก่นแท้กลับตรงต่อธรรมทั้งสิ้น ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า "ปฏิเวธ" คือ การปรับประยุกต์ธรรมไปสู่ภาคความจริง ณ สถานการณ์นั้นๆ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม จึงไม่ใช่การยึดมั่นจดจำธรรมอย่างไร้ซึ่งปัญญาแล้วไม่อาจใช้ปัญญาประยุกต์ใช้ธรรมะอย่างเหมาะสมแก่สถานการณ์ได้
อนึ่ง อเสขบุคคล จึงหมายถึง พระอรหันต์ นั่นเอง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น