พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้ทุกสิ่ง ท่านสามารถเขียนและบันทึกพระธรรมเองได้ แตกฉานในหลายภาษา การที่จะบันทึกลงใบไม้, ใบลาน ฯลฯ ก็ดี สามารถทำได้ไม่ยากเลย ทั้งสิ้น ทว่า "ท่านก็ไม่ทำ" เพราะไม่ใช่ทางหลุดพ้นที่แท้จริง ท่านจึงไม่ได้ใช้การโปรดสัตว์แบบการเรียนรู้ผ่านตำราเลย พระไตรปิฎกเป็นคำใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากการสังคายนา พระธรรม, ตำรา ฯลฯ ก็เกิดขึ้นตามมาภายหลัง โดยที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงทำขึ้น, ไม่ได้สั่งให้พระสาวกรูปใดทำขึ้น เป็นความคิดของพระมหากัสสปะเองทั้งสิ้น ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร หากบุคคลเหล่านั้นไม่หลงในพระธรรม, ตำรา ฯลฯ เหล่านั้น จนอัตตาพองโต ก็จะเข้าสู่มรรคแห่งการบรรลุธรรมที่แท้จริง ตามแบบ "พระพุทธศาสนาดั้งเดิม" ก่อนมีลัทธินิกายต่างๆ ได้ ในที่สุด
ไตรปิฎก
"พระไตรปิฎก" เป็นตำราธรรมสามหมวด ที่เกิดจากการสังคายนาของพระมหากัสสปะในภายหลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ดับขันธปรินิพพานแล้ว อันเป็น "เครื่องประกอบสำคัญ" ในการศึกษาธรรมของพระพุทธศาสนานิกาย "เซน" ซึ่งแต่ดั้งเดิมแท้ที่พระพุทธเจ้าทรงยังมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น มิได้มีพุทธประเพณีการเรียนธรรมผ่านตำราใดๆ เลย ทั้งๆ ที่พระพุทธเจ้าก็ทรงอ่านออก เขียนได้ หรือสอนให้พระสาวกจดลงในใบไม้ ใบลาน ก็สามารถทำได้ ทว่า พระองค์ก็ไม่ทรงทำ เพราะไม่ใช่วิถี ไม่ใช่มรรคในการเข้าถึงธรรมอันแท้จริงแต่อย่างใด ถึงขั้นที่ท่่านเคยตรัสเตือนสติแก่พระสาวกรูปหนึ่งว่า "ท่านใบลานเปล่า" ด้วยซ้ำไป อันมีความหมายถึงการหลงติดในความรู้ แต่ไม่เกิดปัญญาอย่างแท้จริง ประดุจใบลานเปล่าฉะนั้น ดังนั้น การร่ำเรียนธรรมผ่านตำราธรรม จึงไม่ใ่ช่วิถีธรรมแต่ดั้งเดิม ที่พระพุทธเจ้าจะโปรดสัตว์โดยตรง ไม่่ผ่าน การใ้ช้ตำราธรรมใดๆ อนึ่ง การสังคายนาพระไตรปิฎกก็ดี, การจัดทำตำราธรรมก็ดี, การใช้พระไตรปิฎกเป็นเครื่องมือในการศึกษาธรรมก็ดี ฯลฯ ไม่เคยมีในสมัยพุทธกาล ทั้งพระพุทธเจ้าก็มิได้ทรงสั่งให้กระทำแต่อย่างใด ทั้งหมดเกิดขึ้นโดย "ความคิดของพระมหากัสสปะ" เท่านั้น ที่มองว่าพระสุภัททะก้าวล่วงพระธรรมวินัย จึงคิดทำสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้นมา ทว่า ในขณะที่ธรรมสายเซนของท่านตั๊กม้อที่ได้รับสือทอดมาจากพระมหากัสสปะนั้น กลับมุ่งเน้น "จิตสู่จิต" มิได้ผ่านตำราธรรมหรือตัวอักษร ใดๆ อนึ่ง การมีพระธรรม, ตำรา, ไตรปิฎก ก็ไม่ได้เสียหายเป็นเหมือนการเรียนรู้เบื้องต้นเพื่อให้ได้ "สุตมยปัญญา" เท่านั้น ไม่อาจได้ถึง "ภาวนามยปัญญา" อย่างแท้จริง บุคคลผู้ได้อ่าน, ศึกษา, เล่าเรียนแล้ว ไม่หลงตัวเองว่าได้ธรรมมาก ย่อมเข้าใจอย่างนี้แจ้งชัด แล้วอาศัยการศึกษาพระไตรปิฎกเป็นพื้นฐานในการบรรลุธรรมต่อไป
พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้ทุกสิ่ง ท่านสามารถเขียนและบันทึกพระธรรมเองได้ แตกฉานในหลายภาษา การที่จะบันทึกลงใบไม้, ใบลาน ฯลฯ ก็ดี สามารถทำได้ไม่ยากเลย ทั้งสิ้น ทว่า "ท่านก็ไม่ทำ" เพราะไม่ใช่ทางหลุดพ้นที่แท้จริง ท่านจึงไม่ได้ใช้การโปรดสัตว์แบบการเรียนรู้ผ่านตำราเลย พระไตรปิฎกเป็นคำใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากการสังคายนา พระธรรม, ตำรา ฯลฯ ก็เกิดขึ้นตามมาภายหลัง โดยที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงทำขึ้น, ไม่ได้สั่งให้พระสาวกรูปใดทำขึ้น เป็นความคิดของพระมหากัสสปะเองทั้งสิ้น ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร หากบุคคลเหล่านั้นไม่หลงในพระธรรม, ตำรา ฯลฯ เหล่านั้น จนอัตตาพองโต ก็จะเข้าสู่มรรคแห่งการบรรลุธรรมที่แท้จริง ตามแบบ "พระพุทธศาสนาดั้งเดิม" ก่อนมีลัทธินิกายต่างๆ ได้ ในที่สุด
พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้ทุกสิ่ง ท่านสามารถเขียนและบันทึกพระธรรมเองได้ แตกฉานในหลายภาษา การที่จะบันทึกลงใบไม้, ใบลาน ฯลฯ ก็ดี สามารถทำได้ไม่ยากเลย ทั้งสิ้น ทว่า "ท่านก็ไม่ทำ" เพราะไม่ใช่ทางหลุดพ้นที่แท้จริง ท่านจึงไม่ได้ใช้การโปรดสัตว์แบบการเรียนรู้ผ่านตำราเลย พระไตรปิฎกเป็นคำใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากการสังคายนา พระธรรม, ตำรา ฯลฯ ก็เกิดขึ้นตามมาภายหลัง โดยที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงทำขึ้น, ไม่ได้สั่งให้พระสาวกรูปใดทำขึ้น เป็นความคิดของพระมหากัสสปะเองทั้งสิ้น ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร หากบุคคลเหล่านั้นไม่หลงในพระธรรม, ตำรา ฯลฯ เหล่านั้น จนอัตตาพองโต ก็จะเข้าสู่มรรคแห่งการบรรลุธรรมที่แท้จริง ตามแบบ "พระพุทธศาสนาดั้งเดิม" ก่อนมีลัทธินิกายต่างๆ ได้ ในที่สุด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น