สักกายทิฏฐิ

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556 0 ความคิดเห็น
สักกายทิฏฐิ คือ ความถือตัวถือตนเป็นสำคัญ จนกลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขวางกั้นการบรรลุธรรม อนึ่ง สักกายทิฏฐินั้น เป็นเรื่องของสังขาร มิใช่เรื่องของจิตวิญญาณ สำหรับระดับของจิตวิญญาณแล้วนั้น จิตวิญญาณเป็นธาตุรู้ เป็นตัวรู้ว่าผู้ใดมีธรรมอันควรเคารพและเชื่อฟัง ดังนั้น สักกายทิฏฐิ จึงไม่ใช่เรื่องของจิตวิญญาณ แต่เป็นเรื่องของสังขารเป็นสำคัญ เช่น สังขารนั้นอายุมากกว่า, เรียนมามากกว่า, อ่านจำมาเยอะกว่า, มีตำแหน่งสูงกว่า, มีชื่อเสียงมากกว่า, มีบริวารมากกว่า ฯลฯ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องระดับสังขารทั้งสิ้น ซึ่งการทำให้สักกายทิฏฐิหมดไปได้จำต้องใช้ "ระดับสังขารกระทบกัน" สักกายทิฏฐิืไม่อาจหมดไปได้ด้วยวิธี"จิตสู่จิต" หรือการสื่อสารจากระดับจิตวิญญาณต่างๆ จำต้องเป็นเรื่องระดับสังขารจริงๆ ในกระบวนการบรรลุธรรมนั้น จะมี "สังโยชน์ ๑๐" ขวางกั้นอยู่ เช่น อวิชชา ซึ่งจะหมดไปเมื่อผ่านการสื่อธรรมแบบจิตสู่จิตด้วยการทำนิพพานให้แจ้งได้ แต่สำหรับ "สักกายทิฏฐิ" นั้น ไม่อาจทำให้หมดไปได้ด้วยการสื่อสารแบบจิตสู่จิต ดังนั้น แม้พระวิสุทธิเทพจะช่วยให้มนุษย์ที่มีหูทิพย์ตาทิพย์ หรือรับรู้ผ่านจิตสู่จิตได้รับธรรมจากท่านได้ ก็ไม่อาจช่วยขจัดสักกายทิฏฐิให้ได้ จำต้องอาศัยมนุษย์ที่มีสังขารเหมือนกันช่วยทำลายสักกายทิฏฐิให้กัน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเกิดการกระทบกันของอีโก้หรือสักกายทิฏฐิ บางท่านได้รับการโปรดแบบจิตสู่จิตมาก่อนแล้ว เข้าถึงซึ่งธรรมระดับนิพพานได้ อุปมาดั่งบัวบาน แต่ยังมีสักกายทิฏฐิอยู่ จึงยังไม่สำเร็จธรรมแม้แต่ขั้นต้นคือ โสดาบัน แต่สังโยชน์สิบตัวอื่นๆ พร้อมจะหมดสิ้นไปได้ทันทีที่สักกายทิฏฐิหมดไป คนเหล่านี้หากไม่บรรลุธรรม ตายลง จิตวิญญาณจุติยังสุขาวดี ก็จะไปเกิดเป็นพระอรหันต์ได้ เนื่องจากสักกายทิฏฐิเป็นเรื่องของสังขาร เมื่อสิ้นสังขารลงเหลือแต่จิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวรู้แล้ว ตัวรู้นี้ จะรู้ถึงว่าใครเป็นผู้มีธรรมจริง และตนมีธรรมจริงหรือไม่? เท่าใด ต่างจากสังขารที่ไม่รู้เรื่องนี้ เอาแต่ถึงถือตัวถือตน (สังขาร) เป็นใหญ่ ทว่า การสำเร็จอรหันต์ด้วยวิธีการไปเกิดยังสุขาวดีนั้น มิใช่ทางที่จะหลุดพ้นและได้นิพพานในแบบของพระพุทธศาสนาที่มีพระพุทธเจ้ามาเกิดเป็นมนุษย์เดินดินบนโลก แต่เป็นวิถีการเข้าถึงธรรม บรรลุอรหันต์ "แล้วยังไม่รีบนิพพาน" ในแบบ "ลัทธินิกายสุขาวดี" นั่นเอง


ด้วยเหตุนี้ เมื่อถึงกึ่งกลางพุทธกาล พระพุทธศาสนาหักกลาง หมายถึง การสืบทอดธรรมขาดสิ้นลง สายธรรมขาดสาย หรือก็คือ ไม่มีผู้รับสืบทอดธรรมแล้วบรรลุธรรมได้ต่อจากท่านที่บรรลุธรรมอยู่ก่อน มิได้หมายถึง ลัทธินิกายประหลาดมาแทนที่ด้วยคำสอนที่ผิดเพี้ยน หรือมีการทำลายวัด, เผาพระคัมภีร์ใดๆ ก็หาไม่ ไม่ใช่เรื่องอย่างนั้น เรื่องอย่างนั้นเป็นเรื่องทางโลก เป็นกรรมของปวงสัตว์ ไม่เกี่ยวกับการสืบทอดสายธรรมของพระพุทธศาสนา คำว่า พระพุทธศาสนาหักกลางอยู่เฉพาะเรื่อง "การสืบทอดสายธรรม" ก็เท่านั้นเอง เมื่อการสืบทอดสายธรรมขาดสิ้นลงแล้ว ไม่มีมนุษย์คนใดบรรลุอรหันตผลได้อีก มนุษย์นั้นก็ไม่อาจสืบทอดธรรมอันแท้จริงต่อไปได้ แต่เทพเทวดาที่บรรลุอรหันตผล ยังอยู่บนสวรรค์ ยังมิได้สิ้นอายุ ขัยตายลง เพราะเทพเทวดามีอายุยืนนานกว่ามนุษย์ นั่นเอง ทว่า แม้สายธรรมบนสวรรค์ยังคงอยู่ แต่การต่อสายธรรมจากสวรรค์ลงมาสู่โลกมนุษย์ จะเป็นแบบ "จิตสู่จิต" คือ ระดับจิตวิญญาณเท่านั้น มิอาจทำในระดับ "สังขาร" ได้ ทำให้ "สักกายทิฏฐิ" ไม่ถูกทำลายได้ด้วยวิธีดังกล่าวนี้ จำเป็นที่จะต้องอาศัยผู้ที่ถูกทำลายสักกายทิฏฐิแล้ว บรรลุธรรมสูงสุดในภาคมนุษย์แล้วคือ "อนาคามีผล" รับสืบทอดสายธรรมต่อลงมาจากสวรรค์ ก็จะบรรลุธรรมถึงขั้นอรหันตผลได้ หรือรับสืบทอดสายธรรมแท้โดยตรงจากพระพุทธเจ้าก็จะบรรลุอรหันตผลได้ เช่นเดียวกัน ดังนั้น การขจัดสักกายทิฏฐิจึงเป็นสิ่งสำคัญประการแรกด้วยเหตุนี้



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 

©Copyright 2011 Mouth Buddha | TNB