ยังมีคนอีกมากมายในยุคปัจจุบันที่เหมือนท่านใบลานเปล่า คือ ฝึกเรียนรู้ธรรมะ เพื่อไปเสริมสร้างกำลังให้ตัวอัตตา ยิ่งมันรู้มาก อัตตามันก็ยิ่งมาก พอจะวิ่งไล่จับมัน มันก็เก่งมาก หนีได้ดี ทีนี้ การบรรลุธรรมก็ยิ่งยากกว่าคนโง่เสียอีก คนโง่ หรือแม้แต่เด็กจึงบรรลุธรรมได้ง่าย หรือเร็วกว่าคนฉลาดเกินไป ด้วยเหตุนี้
จับแย้
จับแย้ เป็นคำที่ไม่มีในอภิธรรม แต่ปรากฏในส่วนอื่นของพระไตรปิฎกมาจากครั้งหนึ่งท่านใบลานเปล่าซึ่งรู้มาก และ "เป็นครูผู้อื่น" มีจิตยึดมั่นแต่จะสอนคนอื่นเท่านั้น คือ เอาแต่จะสอนๆๆ จนพระพุทธเจ้าได้ให้สติด้วยการเรียกนามท่านว่า "ท่านใบลานเปล่า" ซ้ำๆ วันหนึ่งเมื่อท่านเริ่มได้สติว่าตนมิใช่ผู้บรรลุธรรมอันใดเลย (แม้พระพุทธเจ้าจะรู้เห็นพฤติกรรม การชอบไปสอนคนอื่น และรู้ว่าท่านนี้ยังไม่ไ้ด้บรรลุธรรม แต่ท่านก็ไม่ได้ว่ากล่าวตรงๆ) ทั้งศิษย์ของตนซึ่งเป็นสามเณร ได้บรรลุอรหันตผลแล้ว จึงได้ยอมไปถามสามเณรว่าทำอย่างไรจึงจะบรรลุธรรมได้ สามเณรจึงอุปมาเหมือนการจับแย้ ให้มันออกรูเดียว เท่านั้นเอง แล้วท่่านก็ได้บรรลุธรรม อนึ่ง ที่สามเณรบรรลุธรรมได้เร็วกว่านั้น ด้วยเพราะความยึดถือตัวตนของตัวน้อย แต่ที่ท่านใบลานเปล่าบรรลุได้ยาก เพราะความยึดถือในตัวมาก มีอัตตาว่าตนเป็นครู แท้แล้วในการบรรลุธรรม ก็เหมือนๆ กัน คือ ธรรมเพียงหยิบมือเท่านั้นที่ทำให้แจ้งได้ก็บรรลุธรรมแล้ว ไม่ใช่ว่าต้องรู้หรือเข้าใจทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงก็หาไม่ การที่เราไปอ่่านแล้วใช้ความรู้ ความเข้าใจของเราในการตามจับพระธรรมนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการ "วิ่งไล่จับแย้" ซึ่งท่านใบลานเปล่า ไม่เคยจับได้มาก่อน เพราะเอาแต่สร้างความรู้ ความเข้าใจให้บังเกิดขึ้น ยิ่งรู้มาก ยิ่งวิ่งหนีได้เก่ง จิตที่รู้เกินไป ยิ่งจับได้ยาก ก็ไม่ต่างจากการที่เราทำให้แย้มันฉลาด ทำให้มันรู้ทาง ทำให้มันรู้มาก มันก็ยิ่งหาทางหนีไปได้ มากยิ่งขึ้น ยิ่งเราฝึกให้ตัวเองรู้ อัตตาแห่งตัวรู้ของเรา ก็ยิ่งมีกำลังมาก พอเราจะไล่จับมัน มันก็ฉลาดที่จะหนีไปได้เรื่อยๆ เช่น หนีไปในทางที่ว่า "ข้ารู้แล้ว เอ็งเข้าใจผิดตรงไหน" เป็นต้น คือ จิตมันหลุดออกไปจับคนอื่น ตัวเองจึงไล่จับจิตตัวเองไม่ไ่ด้ เหมือนไล่จับแย้ไม่ได้ นั่นเอง เหตุนี้ ท่านตั๊กม้อจึงมิได้สอนธรรมอะไรให้ท่านหุยเคอเลย เมื่อท่านหุยเคอขอธรรมเพื่อให้ตนได้หลุดพ้นทุกข์ ท่านว่า "ใจนี้ทุกข์เหลือเกิน" ท่านจึงถามกลับไปเพียงว่า "ไหนเอาใจมาดูหน่อยสิ" (ไม่ให้ธรรมะอะไรเลย) เท่านั้น ท่านหุยเคอก็หวนกลับไปดูจิต ดูใจ จับที่จิต ที่ใจตัวเองได้ทันที เสมอจับแย้ได้อยู่มือฉะนั้น ท่านก็บรรลุธรรมทันที แล้วท่านก็บอกออกมาว่า "ใจไม่มี" แล้วอย่างนี้ ที่ว่า "ใจมีทุกข์ มันจะมาจากไหน?" นี่แหละ "ดูจิตก็เหมือนการจับแย้" ยิ่งโง่ ยิ่งรู้น้อย จิตยิ่งโดนจับง่าย ก็จะรู้ตัวอัตตาของตัวเองเร็ว ก็บรรลุธรรมได้ง่าย เหมือนจับแย้โง่ตัวหนึ่ง
ยังมีคนอีกมากมายในยุคปัจจุบันที่เหมือนท่านใบลานเปล่า คือ ฝึกเรียนรู้ธรรมะ เพื่อไปเสริมสร้างกำลังให้ตัวอัตตา ยิ่งมันรู้มาก อัตตามันก็ยิ่งมาก พอจะวิ่งไล่จับมัน มันก็เก่งมาก หนีได้ดี ทีนี้ การบรรลุธรรมก็ยิ่งยากกว่าคนโง่เสียอีก คนโง่ หรือแม้แต่เด็กจึงบรรลุธรรมได้ง่าย หรือเร็วกว่าคนฉลาดเกินไป ด้วยเหตุนี้
ยังมีคนอีกมากมายในยุคปัจจุบันที่เหมือนท่านใบลานเปล่า คือ ฝึกเรียนรู้ธรรมะ เพื่อไปเสริมสร้างกำลังให้ตัวอัตตา ยิ่งมันรู้มาก อัตตามันก็ยิ่งมาก พอจะวิ่งไล่จับมัน มันก็เก่งมาก หนีได้ดี ทีนี้ การบรรลุธรรมก็ยิ่งยากกว่าคนโง่เสียอีก คนโง่ หรือแม้แต่เด็กจึงบรรลุธรรมได้ง่าย หรือเร็วกว่าคนฉลาดเกินไป ด้วยเหตุนี้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น