ตรีเอกานุภาพ เป็นศัพท์ที่ปรากฏในคริสตศาสนา ไม่ใช่ศัพท์ที่ปรากฏในพระอภิธรรมปิฎก แต่จำเป็นต้องนำมาอธิบายให้เข้าใจ เนื่องจากหลังจากพระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานแล้ว ท่านได้ตรัสไว้ว่า "พระธรรมจักเป็นศาสดาของเธอ" ทำให้พระสงฆ์ส่วนหนึ่งนำโดยพระมหากัสสปะ คิดว่า พระธรรมคำสอน คือ สิ่งที่ใช้แทนองค์พระศาสดา ทำให้คนจดจำพระธรรมต่อๆ กันไป โดยหารู้ไม่ว่า "ธรรมนั้นเหมือนยารักษาโรคเฉพาะคน" เรียกว่า ใครป่วยโรคไหน พระพุทธเจ้าก็ทรงให้ยาที่เหมาะสมกับคนผู้นั้น ดังนั้น "ธรรมโอสถ" ของพระุพุทธเจ้า จึงไม่อาจใช้ครอบจักรวาลได้ หมายความว่า เราจะไปเอาธรรมของพระพุทธเจ้า ที่ได้แสดงแก่ผู้อื่น (อันพระพุทธเจ้าได้ใช้ัสัพพัญญูญาณ พิจารณาแล้วว่าธรรมนั้นเหมาะสมกับเขา) แล้วเอามาเป็นธรรมของตน โดยคิดว่าเหมาะสมกับตนนั้น "หาได้ไม่" อุปมาเหมือนไปเอายาของคนอื่นเขามากิน ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ทั้งหลายไม่ประสงค์จะทำ สิ่งที่ผู้ป่วยควรทำคือ "ไปหาหมอ แล้วให้หมอตรวจก่อน เขาจึงจะสั่งยาที่เหมาะสมให้" ไม่ใช่ไปหาคนไข้ด้วยกันแล้วเอายาของเขามากินบ้าง (ไปหาพระสาวกรูปอื่น เพื่อให้เขาแสดงธรรมที่เขาผู้นั้นมี ให้แก่ตนบ้าง) โดยไม่ผ่านการวินิจฉัยโดยพระพุทธเจ้าก่อน ว่าอะไรที่เหมาะสม ธรรมใดที่เหมาะควรแก่ตน อย่างนี้ ไม่ใช่วิถีของพระพุทธศาสนา ที่เคยเป็นมาแต่เก่าก่อนเลย
ดังนั้น การคิดว่าพระธรรมอันเป็นสิ่งแทนองค์พระศาสดานั้น คือ "ตำราไตรปิฎก" ก็ดี, คือ "พระธรรม" อันพระสาวกรูปใดๆ จดจำต่อๆ มาให้แก่ตน ก็ดี ฯลฯ เหล่านี้ ล้วนมิใ่ช่ "ธรรมที่จักแทนที่องค์พระศาสดา" ได้เลย แล้วคำว่า "พระธรรมจักเป็นศาสดา" นั้น หมายถึงอะไร? ก็หมายความว่า เมื่อพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ปรินิพพานแล้ว ท่านมิใช่ว่าง หายสูญไป ท่านก็คือ ธรรมชาติอย่างหนึ่งที่ไม่เกิด ไม่ดับ อีก ก็เท่านั้น และสิ่งนี้เองคือ "พระธรรม" คือ องค์ธรรมแห่งท่าน หรือคือ พระศาสดา ก็คือ "พระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานแล้ว" นั่นเอง อันเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยมีพระสงฆ์สาวก คอยเป็น "สะพานเชื่อม" อธิบายเรื่องนี้ ให้คนเข้าใจ เข้าถึงซึ่งพระพุทธ, พระธรรมนี้ ผ่านพระสงฆ์ที่ไม่เอาตนมาเป็นองค์ธรรม องค์แทนพระศาสดา แสดงธรรมแทนพระศาสดา เพียงแต่แสดงธรรมเพื่อล่อให้ปวงสัตว์เข้ามา ใช้ตนเป็นดั่งสะพานเชื่อมต่อเนื่องไปใหุ้ถึง พระพุทธ, พระธรรม ดังนี้ พระพุทธ, พระธรรม และพระสงฆ์ จึงเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่เรียกว่า "ตรีเอกานุภาพ" อันมิได้ลอกเลียนอย่างชาวคริสต์มา แต่เป็นเช่นนี้จริงๆ หมายความว่า เราต้องไปพบพระสาวกของพระพุทธเจ้า เพื่อให้ท่านเป็นสะพานเชื่อมไปให้ถึง "พระพุทธเจ้า" ที่แท้จริงก่อน แล้วจึงได้รับ "พระธรรม" จากท่านโดยตรง แล้วจึงได้อาศัยพระสงฆ์สาวกนั้น ในการแนะนำผ่านการสื่อสารระดับสังขารต่อไป
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น