เมื่อบุรุษมีสติตื่นขึ้นระลึกได้เช่นนั้น ความหลงเตลิดไปก็หยุดลง, สิ้นลง, ดับลง, จบลง เท่านั้นเอง มรรคทั้งแปดประการย่อมมีอยู่เช่นนั้นเอง อยู่แล้ว เป็นสัจธรรมที่ไม่ต้องสร้างขึ้นก็มีอยู่แล้ว เพราะเป็นสัจธรรม, เป็นสัจธรรมที่ไม่ต้องรักษาก็มีอยู่แล้ว เพราะเป็นสัจธรรม, เป็นสัจธรรมที่ไม่ต้องทำลายสิ่งใดลงไป ก็มีอยู่แ้ล้วเพราะเป็นสัจธรรม ไม่ใช่ของใหม่ ไม่ใช่ของเก่าแ่ต่เป็นเช่นนั้นเองครบทั้งมรรค ๘ ประการนั้นแลฯ
มรรค
มรรค หมายถึง วิถีทางแห่งความหลุดพ้น ในธรรมหมวด "มรรคแปด" ได้จำแนก แสดงออกให้เห็นถึงธรรมแปดประการอันเป็นธรรมดา, ปกติ ของผู้ที่หลุดพ้นจะพึงเป็น, พึงกระทำ แต่มิได้เป็นคำสั่ง หรือคำสอนให้ไปปฏิบัติตาม เพราะการปฏิบัติตามธรรมใดก็ตาม ไม่ต่างอะไรกับ "ภาพเสมือนจริง" ที่ปรากฏบนกระจก ด้วยว่าภาพเสมือนจริงนั้น แม้จะดูเหมือนจริงมากเพียงใดก็ตาม แต่ก็ "ไม่ใช่ของจริง" หากสังเกตดูให้ดีก็จะพบว่า "ภาพเสมือนจริงนั้น กลับซ้ายไปขวา" เสมอ "ธรรม" ที่แสดงนี้จึงเป็นการแสดง "ธรรมะ ธรรมดา ธรรมชาติ" ของผู้ที่หลุดพ้นแล้วเท่านั้นเองว่าจะมีมรรคดำเนินไปอย่างไร ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะให้นำไปเลียนแบบ หรือทำตามแต่อย่างใด ก็เมื่อใดที่บุคคลบรรลุธรรม เห็นแจ้งในธรรมแท้จริง ย่อมเห็นชัดว่า "ธรรมนี้ เป็น ธรรมดา มีอยู่แล้ว ผู้มีปัญญาทั้งหลายล้วนหยุดแล้วซึ่งความหลงเตลิดออกไปจากธรรมะที่บริสุทธิ์มาแต่ดั้งเดิม" จึงไม่ได้ไปคิด, ทำ, ปฏิบัติ, ฝึกฝนอะไรใดๆ อีก จบลงที่ "หยุดหลง" ออกไปจากสิ่งที่เป็นธรรมอยู่แล้ว ก็เท่านั้นเอง ธรรมนี้, มรรคนี้ ไม่ใช่ของที่พระพุทธเจ้าสร้างมาใหม่ ให้ลองใช้ ลองเล่น ลองปฏิบัติกัน อะไรก็หาไม่ เป็นสัจธรรม มีอยู่แล้ว จริงอยู่แล้ว แต่ดั้งแต่เดิมมาเช่นนั้นเองอยู่แล้ว บุคคลผู้มี "อวิชชา-ความหลง" เป็นผู้เตลิดออกไปจากธรรมนี้เอง ทั้งที่ธรรมนี้ก็มีอยู่แล้วทั้งสิ้น, มรรค นี้่ก็มีอยู่แล้วทั้งสิ้น เป็นสัจธรรม ดั้งเดิม ธรรมดา ธรรมชาติ เช่นนี้เอง ไม่ต้องสร้าง, ไม่ต้องรักษา, ไม่ต้องทำลายอะไร จึงจะให้มีธรรมนี้ มรรคนี้ แต่อย่างใดเลย อุปมาดั่งบุรุษเตลิดไปหา "เส้นชัยของตน" ย่อมระลึกอย่างนี้ว่า "นี่คือเส้นทางของเราหนอ, นี่คือ มรรคาแห่งเราหนอ" เราจะพึงดำเนินไปยังมรรคาหรือทางสายนี้จน กว่าจะถึงเส้นชัยนั้น เมื่อบุรุษมีสติ พึงระลึกขึ้นได้ว่า "ก็เส้ยชัยนั้น ตนแลเป็นผู้กำหนดขึ้นมาเอง" หามีผู้ใดเป็นผู้สร้างขึ้นไม่ แลเมื่อตนนั้นกำหนดเส้นชัยนั้นขึ้นมา มรรคย่อมเกิด, ระยะทางย่อมมี ฯลฯ ดังนี้
เมื่อบุรุษมีสติตื่นขึ้นระลึกได้เช่นนั้น ความหลงเตลิดไปก็หยุดลง, สิ้นลง, ดับลง, จบลง เท่านั้นเอง มรรคทั้งแปดประการย่อมมีอยู่เช่นนั้นเอง อยู่แล้ว เป็นสัจธรรมที่ไม่ต้องสร้างขึ้นก็มีอยู่แล้ว เพราะเป็นสัจธรรม, เป็นสัจธรรมที่ไม่ต้องรักษาก็มีอยู่แล้ว เพราะเป็นสัจธรรม, เป็นสัจธรรมที่ไม่ต้องทำลายสิ่งใดลงไป ก็มีอยู่แ้ล้วเพราะเป็นสัจธรรม ไม่ใช่ของใหม่ ไม่ใช่ของเก่าแ่ต่เป็นเช่นนั้นเองครบทั้งมรรค ๘ ประการนั้นแลฯ
เมื่อบุรุษมีสติตื่นขึ้นระลึกได้เช่นนั้น ความหลงเตลิดไปก็หยุดลง, สิ้นลง, ดับลง, จบลง เท่านั้นเอง มรรคทั้งแปดประการย่อมมีอยู่เช่นนั้นเอง อยู่แล้ว เป็นสัจธรรมที่ไม่ต้องสร้างขึ้นก็มีอยู่แล้ว เพราะเป็นสัจธรรม, เป็นสัจธรรมที่ไม่ต้องรักษาก็มีอยู่แล้ว เพราะเป็นสัจธรรม, เป็นสัจธรรมที่ไม่ต้องทำลายสิ่งใดลงไป ก็มีอยู่แ้ล้วเพราะเป็นสัจธรรม ไม่ใช่ของใหม่ ไม่ใช่ของเก่าแ่ต่เป็นเช่นนั้นเองครบทั้งมรรค ๘ ประการนั้นแลฯ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น