ฤาษีองค์ทอง

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556 0 ความคิดเห็น
ฤาษีองค์ทอง ไม่ใช่ศัพท์ในอภิธรรม แต่ปรากฏในคำทำนายบางแหล่ง ใช้หมายถึง "ผู้ทรงธรรม" บวชพระ ห่มเหลือง แต่มิได้ปฏิบัติอย่างภิกษุสาวกเพราะมีแนวทางการปฏิบัติอย่างฤาษี กล่าวคือพระภิกษุสาวกจะเป็นเพียงสาวกผู้น้อย ที่รอรับฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า มิใช่พราหมณ์ที่มีหลักการปฏิบัติ แนวทางการทำสมาธิแบบต่างๆ แต่หากมี หรือเคยมี ก็จะละวางของเก่าก่อน แล้วจึงรับธรรมจากพระพุทธเจ้าเพื่อเริ่มต้นใหม่ ดังนั้น พราหมณ์ฤาษีและพระพุทธศาสนา จึงมีความแตกต่างกันดังนี้ ทว่า เมื่อถึงกึ่งกลางพุทธกาล พระสาวกขาดผู้นำทางที่ถูกต้อง จึงไม่ทราบหลักการปฏิบัติ "แบบภิกษุสาวก" หลายท่านได้เคยชินที่เคยเป็นพราหมณ์ฤาษีมาก่อน (ไม่ว่าจะชาตินี้หรือในอดีตชาติ) ก็จะใช้แนวทางการปฏิบัติเช่น พราหมณ์ฤาษีนั้น เช่น การสอนสมาธิตามแบบของตน, การเปิดสำนัก, การสร้างศรัทธา, การอยู่ได้้้ด้วยชื่อเสียง อันนำลาภสักการะมาสู่ตน, การสร้างสาวกบริวารของตนเอง ฯลฯ เหล่านี้่ ล้วนเป็นวิถีการดำรงอยู่แบบพราหมณ์ทั้งสิ้น มิใช่การดำรงอยู่แบบ "ภิกษุสาวก" ในพระพุทธศาสนาแต่ดั้งเดิมเลย จึงเรียกท่านเหล่านี้ว่า "ฤาษีองค์ทอง" หรือ "ฤาษีห่มผ้าเหลือง" นั่นเอง เพราะมิใช่ "ภิกษุสาวก" แท้ แต่เป็นฤาษีในคราบพระสงฆ์


ตามคำทำนายนั้น กล่าวถึง "ฤาษีองค์ทอง" จะสึกมาเป็นพ่อค้า หมายความว่า เหล่าผู้ปฏิบัติผิดทาง มิใช่แนวทางของพระภิกษุสาวกแท้ จะสึกออกมาจากผ้าเหลือง เพื่อชำระพระพุทธศาสนาให้ถูกต้อง ไม่นำแนวทางการปฏิบัติของตนที่ผิดทางออกไป มาใช้ในพระพุทธศาสนา เพราะการทำเช่นนั้น ในขณะที่เป็นพระภิกษุสาวก ย่อมส่งผลให้เกิด "การแตกหน่อแตกกอ" เป็นลัทธิ, นิกายใหม่ๆ แม้ไม่ได้มีการตั้งตนขึ้นเป็นเจ้าลัทธินิกาย ก็ส่งผลให้เกิดการแตกแยกในพระพุทธศาสนาได้ เป็นอนันตริยกรรม คือ "สังฆเภท" นั่นเอง ดังนั้น "ฤาษีองค์ทอง" จึงต้องสึกมาเป็นพ่อค้า เพื่อไม่ให้พระพุทธศาสนามัวหมองผิดทาง นั่นเอง



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 

©Copyright 2011 Mouth Buddha | TNB